Trending Now

เดือนพฤศจิกายนนี้ เดือนอันแสนโหดร้าย ไม่มีวันหยุดให้หายใจหายคอ หลายๆ คนก็ใช้วันลาให้หมดๆ ไปบ้างเพื่อได้พักผ่อน เพราะวันหยุดก็ไม่ทดไปปีหน้า เกริ่นมาซะยาว ใครที่กำลังจะต้องกลับไปทำงานออฟฟิศ หรือใครที่ไปทำงานออฟฟิศแล้ว หรือใครที่ต้อง WFH อยู่ คุณอยู่ทีมไหนกันบ้าง หรือจะเป็นทีมที่ Hybrid ชอบการทำงานที่ออฟฟิศ สลับกับทำงานที่บ้าน ก็คอมเม้นบอกกันได้เลย ส่วนของบทความนี้ จะมาแสดงให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียของการทำงานแต่ละแบบ เชื่อว่าทุกคนน่าจะคล้ายๆ กัน (ในฐานะพนักงานออฟฟิศนะ)

ข้อดีของการทำงานที่บ้าน หรือ WFH

– ลดเวลาเดินทางไปทำงาน ทำให้ชีวิตดีขึ้น

ข้อดีของการทำงานที่บ้านในมุมมองของผู้เขียนมองว่า ทำให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไปทำงานที่ออฟฟิศ ปริมาณงานก็มากเช่นกันด้วย เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยสาธารณะ หรือรถส่วนตัว เวลาบนท้องถนนของคนกรุงเทพ จากเว็บไซต์ Tomtom.com ปี 2018 (ก่อนโควิด) คนกรุงเทพ เสียเวลารถติดบนท้องถนนสูงถึง 207 ชั่วโมง หรือคิดเป็น 8 วันกับอีก 15 ชั่วโมงเลย ใน 1 ปี การทำงานที่บ้านทำให้เวลาที่ต้องเสียไปในส่วนนี้ ทำให้ได้นอนมากขึ้น ได้กินข้าวเช้า หรือได้ทำกิจกรรมอะไรที่ช่วยให้มีความสุขระหว่างเวลาทำงานได้

wfh
source : Tomtom.com, Bangkok Traffic 2018

– มีสมาธิจดจ่อกับงานมากชึ้น เพราะนั่งอยู่ในห้องทำงานคนเดียว

แน่นอนว่าการทำงานที่บ้าน อาจจะมีประชุมเยอะมาก แต่ก็ไม่ได้แน่นไปทุกวัน อาจจะหนักวันจันทร์ อังคาร และศุกร์ เป็นต้น วันที่เหลือได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่เรามีความสุข จริงอยู่ว่าบางคนอาจจะชวนขี้เกียจ แต่ทางทีมก็เคยมีหลายบทความที่ทำให้การทำงานที่บ้าน ทั้งมีความสุข และมีประสิทธิภาพ อย่างเช่น ไหนๆ ก็ WFH ลองมา Miss&Match สีอุปกรณ์บนโต๊ะทำงาน ให้จรรโลงใจ อ่านได้ที่นี่ หรือบทความนี้ ควรค่าแก่การมี รวม 6 ไอเทมต้องมี ในช่วง Work From Home !! อ่านได้ที่นี่ หรือจะเป็นบทความนี้ ทำงานที่บ้าน WFH กันมาสักพักนึงแล้ว ลองมา ทำความสะอาดอุปกรณ์ ของคุณกันบ้าง อ่านได้ที่นี่ ก็เรียกได้ว่า ทำงานที่บ้านทั้งมีสมาธิ และทั้งความสะอาด ความจรรโลงใจมาครบ

– สามารถจัดการเวลาให้ไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น

ข้อดีสุดท้ายของการทำงานที่บ้าน ที่เป็นผลพวงจากการไม่ต้องเดินทาง ทำให้ในตอนเย็นเราสามารถบริหารจัดการเวลาให้มีความสุขได้ ทั้งไปออกกำลังกาย ทำกับข้าว หรือดูหนังที่ค้างคา อ่านหนังสือที่ยังไม่เคยอ่าน ข้อดีข้อนี้คือในกรณีที่งานไม่ได้เยอะจนต้องทำเลยเวลางานนะ แต่ถ้าใครอยากจัดการต้องเองได้ เรามีบทความนี้มานำเสนอ นี่คือเหงาาา นี่แหละเฉาาาา รวมเทคนิค WFH ยังไงให้ไม่เหงา ทำงานยังไงไม่ให้เฉา อ่านได้ที่นี่ หรืออีกบทความดีๆ Work-Life Balance กับการ WFH ใช้ชีวิตในการทำงานยังไงให้สมดุลเมื่อต้องทำงานจากที่บ้าน อ่านได้ที่นี่เลย

นอกจากนี้ยังมีอีกข้อดีคือ ความชิว คือไม่ต้องแต่งตัวอะไรมากมาย หรือทำงานไปกินขนมไป หรือกินข้าวไป เปิดเพลงที่ตัวเองชอบฟังระหว่างทำงาน เรียกได้ว่าสามารถทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้การทำงานมีความสุข ซึ่งอาจจะมีความสุขมากกว่าทำงานที่ออฟฟิศ

ข้อเสียของการทำงานที่บ้าน

– ประชุมเยอะมาก ด้วยความที่ต้อง Sync นู่นนี่นั่นอยู่เรื่อยๆ

การทำงานที่บ้าน ต้องยอมรับว่าประชุมเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Team Daily Catch Up หรือ Weekly หรือ Bi-Weekly หรือ Department Sync หรือ ประชุมรวม ประชุมใหญ่ ประชุมเรื่องนี้ ประชุมโปรเจคนั้น ในบางครั้งก็มี one on one กับหัวหน้า ซึ่งทุกประชุมก็สำคัญทั้งนั้น เวลาทำงานเลยชอบล่วงเลยไปเวลาหลังเลิกงาน เพราะเวลาทำงานมีแต่ประชุม ในบางวัน

– เหมือนจะได้โฟกัสกับงาน แต่มันจะหายไป เพราะชอบมีอุปสรรค

จริงอยู่ที่บ้านออกแบบมาเพื่อพักผ่อน ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการทำงาน ใครอยู่บ้าน หรือคอนโด ที่ข้างๆ บ้าน หรือข้างๆ ห้องมีการเติมแต่ง ต่อเติม คุณคือผู้โชคร้าย หรือแม้แต่ใครที่อยู่บ้านกับครอบครัวเลย ก็อาจจะมีหลานๆ มาแวะเวียนเวียนวน หรือความเป็นห่วงจากผู้ใหญ่ในบ้านว่า ข้าวปลาไม่กิน แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เกิดขึ้นได้ ขั้นกว่านั้นคือ ที่บ้าน หรือคอนโดอาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่น น้ำไม่ไหล ไฟดับ อินเตอร์เน็ตก็ตามไปด้วย ซึ่งก็รวมเป็นข้อเสียของการทำงานที่บ้านทั้งสิ้น

– เวลามีปัญหาทางเทคนิค ทำเรื่องกับ IT Support ยากพอควร

ตอนทำงานที่บ้านเราอาจจะทำเรื่อง ขอจอมอนิเตอร์ เมาส์ สาย HDMI เครื่องปริ้นเตอร์อะไรต่างๆ มาจากออฟฟิศ และก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ที่อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะพัง หรือมีปัญหา ซึ่งถ้าอยู่ออฟฟิศก็แค่เรียกทีมมาดู แต่ถ้าทำงานที่บ้านก็อาจทำให้ทุกอย่างยืดยาวเข้าไปอีก

การทำงานที่ออฟฟิศ ข้อดีที่คิดถึงมากๆ

ข้อดีข้อแรก คือ คิดถึงเพื่อนร่วมงาน คิดถึงการเจอหน้ามนุษย์ การนั่งกินข้าว พูดคุยเม้ากับทีม หรือการไปสังสรรค์หลังเลิกงานกับเพื่อนที่ทำงานเป็นครั้งคราว เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคม คงจะเคยได้ยินคำนี้ เราจะรู้สึกมีความเป็นมนุษย์น้อยลง เมื่อเราทำงานที่บ้าน เราจะเป็นเหมือนเครื่องจักรเครื่องหนึ่งเท่านั้นเอง

ถัดมาในส่วนของข้อดีของการทำงานที่ออฟฟิศ คือการประชุมอาจจะลดน้อยลง เนื่องจากประชุมเล็กๆ น้อยๆ ไวๆ ไม่ต้องอะไรมากมาย มาจับกลุ่มนั่ง Align กันเสร็จภายใน 15 นาที อารมณ์เหมือน Stand-up Meeting และทุกคนก็แยกย้ายไปทำงาน รวมถึงเวลามีปัญหาอะไร ทั้งปัญหาในการทำงาน หรือปัญหาทางเทคนิค ก็จะถูกแก้ไขได้รวดเร็วกว่าการทำงานที่บ้าน

ข้อเสียของการทำงานที่ออฟฟิศ เห็นจะมีข้อเดียวคือ เรื่องการเดินทาง ที่ทำให้เสียเวลาชีวิต และเปลืองค่าใช้จ่ายมาก ในประเทศที่ค่าใช้จ่ายต่อวันสูสีกับรายได้ต่อวันเช่นนี้ ลูกเพจ หรือผู้อ่านคงเคยเห็นหลายๆ เพจที่เอามาแสดงให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพ ค่าเดินทาง ค่าต่างๆ สูงริบอยู่เหมือนกัน

หนึ่งลักษณะการทำงานในรูปแบบใหม่ ที่น่าจับตามอง การเข้าออฟฟิศแบบ Hybrid

การเข้างานแบบ Hybrid แบบนี้อาจจะเป็นการเอาข้อดีของการทำงานที่บ้าน และการทำงานที่ออฟฟิศมารวมกัน อาจจะเข้างานเฉพาะวันที่มีประชุมเยอะๆ จัดรวบรวมให้อยู่ในวันจันทร์ และอังคาร จากนั้นปลายสัปดาห์วันศุกร์ อาจจะประชุมของทั้งสัปดาห์อีกที ตกเย็นใครที่ใคร่ไปแฮงค์เอาท์กับทีมที่ทำงาน ก็ถือว่าเหมาะเจาะ พอดิบพอดี วันอังคาร และวันพุธ หรือวันพฤหัสฯ ก็อาจจะนั่งเคลียร์งานที่บ้านให้เรียบร้อยก็ถือว่าลงตัวดี ตอนนี้ทางทีมยังไม่มีข้อมูล หรือว่าทราบว่าบริษัทไหนทำแบบนี้บ้างไหม ไว้ถ้ามี หรือทราบมาจะมาเขียนเป็นบทความให้อ่านกัน ว่าสุดท้ายแล้ววิธีการทำงานลักษณะนี้มันมีประสิทธิภาพมากขนาดไหน


ใครที่อยากติดตามบล็อกของเราเพิ่มเติมล่ะก็ แวะมาจอยที่ https://www.zipeventapp.com/blog/

Follow us for more interesting content!

ฝากถึงพี่น้อง แฟนๆ ที่เคารพรักทุกท่าน ฝากติดตามข่าวสารงานอีเว้นท์กับ Zipevent ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ตามนี้เลย จิ้มๆ

Comments

comments