อีกหนึ่ง skill สำคัญสำหรับปัจจุบันที่ควรมีติดตัวจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจาก ‘การพูด’ ถึงแม้เราจะคุ้นเคยและคลุกคลีกับการพูดกันอยู่ทุกวัน แต่บางทีพอถึงงานสำคัญหรือเวลาที่ต้องออกไปพูดต่อหน้าคนอื่นกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด
วันนี้เราเลยขอแวะมาแชร์ 6 เทคนิคพูดให้น่าฟัง skill สำคัญที่ควรมีติดตัว ให้ทุกคนเตรียมเซฟกันไว้ได้เลย! บอกเลยว่าทุกทริคที่มาแชร์ให้วันนี้ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นการพูดแบบไหนก็เอาอยู่ จะนำเสนองานลูกค้า พรีเซนต์งานให้อาจารย์ฟัง หรือการสัมมนา รับรองมัดใจคนฟังอยู่หมัด ผ่านฉลุยทุกสนามแน่นอน จะมีทริคไหนบ้าง ไปดูพร้อมๆ กันได้เลย (◕ ᴗ ◕„)ノ
│
#1 Know Your Audience
ทำความรู้จักกับผู้ฟังของตัวเอง
แน่นอนว่าทริคแรกที่อยากจะมาแชร์ก็คือ ‘การทำความรู้จักกับผู้ฟังของตัวเอง’ ทริคนี้อาจจะเป็นวิธีเบสิกและเรียบง่าย แต่บอกเลยว่าห้ามมองข้ามไปเด็ดขาด เพราะเทคนิคนี้นี่แหละที่จะทำให้เราสามารถซื้อใจคนฟังได้ดีที่สุด! อันดับแรกเลยคือเราควรจะต้องรู้ว่า ผู้ฟังของเราคือใคร ? และ จุดประสงค์สำหรับการพูดในครั้งนี้คืออะไร ? เพื่อที่เราจะสามารถวางแผนและกำหนดรูปแบบการพูดได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง รวมถึงการแสดงออก โทนเสียง ตลอดภาพลักษณ์ภายนอกด้วยเหมือนกัน !
ทุกคนอาจจะลองนึกภาพตามง่ายๆ เช่น ผู้ฟังของเราคือลูกค้า จุดประสงค์ของการพูดคือนำเสนอขายงาน ดังนั้นรูปแบบการนำเสนอควรจะเป็นแบบทางการ ลักษณะการพูดควรจะฉะฉาน เนื้อหากระชับและน่าดึงดูด เพื่อทำให้การพูดนำเสนองานของเราน่าสนใจ
หรือ ถ้าผู้ฟังของเราคือนักเรียนนักศึกษา จุดประสงค์ของการพูดคือสอน รูปแบบการนำเสนออาจมีการปรับเปลี่ยนไปจากแบบแรก เราอาจจะนำเสนอแบบกึ่งทางการ เน้นการให้ความรู้ที่ครบถ้วน กระชับ เข้าใจง่าย ในเวลาเดียวกันก็อาจใช้โทนเสียงที่เป็นมิตร สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เพื่อทำให้ผู้ฟังรู้สึกสนุกไปกับการเรียนมากขึ้น

- เรากำลังจะพูดให้ใครฟัง ?
เช่น ลูกค้า อาจารย์ นักศึกษา หรืออื่นๆ - หัวข้อและจุดประสงค์สำหรับการพูดในครั้งนี้คืออะไร ?
เรากำลังจะนำเสนองานเพื่อขายให้กับลูกค้า พรีเซนต์โปรเจกต์ให้อาจารย์ฟัง หรือประชุมสัมมนา
★ ทั้งกลุ่มผู้ฟัง หัวข้อ และจุดประสงค์สำหรับการพูดล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องทำความรู้จักให้ดีก่อน เพื่อที่จะสามารถวางแผนและกำหนดรูปแบบการพูดให้เหมาะสมได้
│
#2 Prepare & Practice
เตรียมตัวและฝึกซ้อม!
และแน่นอนว่าทริคสำคัญที่สุดสำหรับการพูด จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจาก ‘การเตรียมตัวและฝึกซ้อม’ เรียกได้ว่าเป็นทริคสุดคลาสสิกสำหรับการฝึกพูดจริงๆ เพราะการฝึกพูดกับตัวเองคือก้าวที่สำคัญมากๆ เราจะได้ฝึกทั้งการพูด การแสดงสีหน้า ท่าทาง รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ที่เราแสดงออกเวลาพูดโดยไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย
รวมถึงการเตรียมตัวให้ดีก็สำคัญไม่แพ้กัน อย่างการเตรียมเนื้อหาและสคริปต์ โดยเราควรที่จะศึกษาทำความเข้าใจหัวข้อของเราให้เป็นอย่างดี อาจเขียนสคริปต์ด้วยการไกด์เป็นหัวข้อใหญ่ ใจความสำคัญ และเนื้อหาคร่าวๆ สำหรับเป็นแนวทางในการพูด พอถึงเวลาจริง เราจะสามารถพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ และถ้าเกิดมีคำถาม เราก็จะสามารถตอบได้ด้วย ตลอดจนการเช็คความพร้อมต่างๆ ที่หน้างานก็สำคัญไม่แพ้กัน ไม่งั้นถ้าเกิดข้อผิดพลาดระหว่างที่เราพูด อาจทำให้การพูดของเราติดขัด หยุดชะงัก และมีช่วงเวลาที่เดดแอร์ได้
บางคนอาจจะกังวลว่ากลัวพูดได้ไม่ตรงตามเขียนสคริปต์ที่เตรียมมา แต่จะบอกว่าจริงๆ แค่ไกด์หัวข้อใหญ่ๆ สำหรับการพูดและเนื้อหาแบบคร่าวๆ แล้วลองฝึกพูดบ่อยๆ จะทำให้การพูดของเราดูเป็นธรรมชาติมากกว่านะ ! ( ¨̮ )
ทุกคนลองคิดภาพตามว่าถ้าเอาแต่ท่องจำสคริปต์อย่างเดียว พอถึงเวลาพูดจริงๆ อาจทำให้เราเหมือนคนที่มาอ่านสคริปต์ให้คนอื่นฟังเฉยๆ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราทำความเข้าใจกับหัวข้อในการพูดของเราทั้งหมด ทั้งเนื้อหาและใจความสำคัญ มันจะทำให้เราสามารถพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเราเข้าใจสิ่งเหล่านั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่ท่องจำ ที่สำคัญ คือ การพูดแบบธรรมชาติจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าการพูดของเราน่าสนใจและไม่รู้สึกเบื่ออีกด้วย

- ทำความเข้าใจหัวข้อในการพูดและเตรียมบทให้พร้อม *อย่าท่องจำ !
★ ไม่จำเป็นต้องพูดตามเป๊ะๆ ลองไกด์เป็นหัวข้อใหญ่ และพูดให้เป็นธรรมชาติ - ฝึกพูดกับตัวเองบ่อยๆ ให้เราได้คุ้นเคยและเข้าใจหัวข้อนั้นจริงๆ
★ อาจจะลองฝึกพูดหน้ากระจก เพื่อที่เราจะได้เห็นภาพรวมทั้งหมด ทั้งโทนเสียง การแสดงออกทางหน้า และภาษากาย - อัดเสียงตอนฝึกพูดแล้วฟังอีกครั้ง หาจุดที่ควรปรับ เพื่อแก้ไขให้การพูดของเรา flow ขึ้น !
★ ลองดูว่าโทนเสียงการพูดเหมาะสมไหม มีช่วงเดดแอร์ไหม ความเร็วในการพูดโอเคหรือยัง เร็วไปหรือช้าไปไหม
│
#3 Simple Moves, Big Impact !
Simple Moves, Big Impact หรือแปลง่ายๆ คือ เรียบง่ายแต่มีพลัง ซึ่งในที่นี้เราหมายถึง ‘Body Language’ หรือ ‘ภาษากาย’ นั่นเอง เพราะการใช้ภาษากายให้ถูกจังหวะและเหมาะสม จะเข้ามาช่วยเสริมให้การพูดของเราดูน่าฟังและดึงดูดผู้ฟังได้มากยิ่งกว่าเดิม เปรียบเสมือนกับก้าวเล็กๆ ที่สามารถส่งถึงผู้ฟังได้อย่างมีพลังและน่าประทับใจ แต่ในเวลาเดียวก็ควรระมัดระวังการใช้ภาษากายให้เหมาะสม ไม่ควรมากหรือน้อยจนเกินไปด้วยนะ
โดย Body Language สำหรับการพูดก็มีค่อนข้างหลากหลายรูปแบบ ทั้ง eye contact สีหน้า ท่าทาง ไปจนถึงโทนเสียง ซึ่งภาษากายสำหรับการพูดที่จะทำให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลายและมีส่วนร่วมไปกับเราคือ การสบตา หรือ eye contact โดยเวลาพูด เราอาจมีการสบตากับผู้ฟังรอบๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและแสดงถึงความมุ่งมั่น
ในส่วนของท่าทาง เราสามารถใช้มือทำท่าประกอบระหว่างการพูดได้เช่นเดียวกัน แต่ระวังในการยกท่าทางมากจนเกินไป และไม่ควรจะยืนกอดอกพูด เพราะเป็นตท่าทางที่ชวนอึดอัด อาจทำให้บรรยากาศของการพูดดูอึมครึมได้ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ บุคลิกภาพ ! ควรยืนตัวตรงด้วยความมั่นใจ ระวังการยืนหลังค่อม เพราะจะทำให้บุคลิกภาพของเราดูไม่เหมาะสมได้

- ใช้ body language ให้ถูกจังหวะและเหมาะสม ไม่มากไม่น้อยเกินไป !
- ภาษากายจะเข้ามาช่วยเสริมบุคลิกภาพและทำให้การพูดของเราน่าสนใจ
★ eye contact การสบตากับผู้ฟัง เป็นการช่วยเพิ่มความสบายใจ ทำให้การพูดของเราดูน่าฟัง และผู้ฟังเองก็รู้สึกมีส่วนร่วมไปเรา
│
#4 Make your message effective and engaging
อีกหนึ่งคีย์เวิร์ดสำคัญสำหรับการพูดเลยคือ ‘message’ หรือ สารที่เราต้องการจะสื่อถึงผู้ฟัง ควรเรียบเรียงเนื้อหาให้มีประสิทธิภาพและน่าสนใจ รวมถึงอาจเรียงลำดับความสำคัญของเนื้อหาให้เหมาะสมกับรูปแบบการพูดครั้งนั้นๆ โดยหลักแล้วการพูดควร กระชับ เข้าใจง่าย และสร้างสรรค์ เพื่อที่จะสามารถสื่อสารกับผู้ฟังได้อย่างครบถ้วน และทำให้การพูดของเราน่าสนใจและน่าจดจำ
อย่าลืม! ดูระยะเวลาในการพูดของเราว่ามีเท่าไหร่ ระวังการพูดออกนอกทะเล เพราะอาจทำให้ผู้ฟังรู้สึกเบื่อได้ รวมถึงว่าสารที่เราต้องการจะสื่อให้ผู้ฟังอาจตกหล่นและไม่ครบตรงประเด็นตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ ดังนั้นเรา ควรจำกัดขอบเขตในการพูดให้ชัดเจน วางกรอบการพูดเพื่อให้เราสามารถพูดได้ครบตามจุดประสงค์และผู้ฟังได้รับสารครบตรงประเด็นที่เราต้องการ

- เรียบเรียงเนื้อหาให้มีประสิทธิภาพและน่าสนใจ
★ กระชับ เข้าใจง่าย สร้างสรรค์ เหมาะสมกับรูปแบบการพูดครั้งนั้นๆ - ระวังการพูดออกนอกทะเล เพราะอาจทำให้ผู้ฟังรู้สึกเบื่อได้!
★ ควรจำกัดขอบเขตในการพูดให้ชัดเจน ( หัวข้อหลัก วัตถุประสงค์ แนวคิด ประเด็นสำคัญ )
│
#5 Impactful Starts, Memorable Ends
Impactful Starts, Memorable Ends แปลง่ายๆ เลยก็คือ การเริ่มต้นอย่างทรงพลังและปิดฉากอย่างน่าจดจำ บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะทำให้การพูดของเรามัดใจผู้ฟังได้ดีแบบสุดๆ โดยเราอาจเริ่มต้นด้วยบทพูดที่ชวนดึงดูดและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นประโยคคำถาม, เรื่องราวในชีวิตประจำวัน, ประสบการณ์ส่วนตัว หรือประโยคสบายๆ เข้าถึงง่าย เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
และแน่นอนว่าการปิดฉากก็ไม่ควรจะธรรมดา! เราควรปิดจบด้วยบทสรุปที่กระชับแต่ทรงพลัง เพราะจะดูน่าจดจำสำหรับผู้ฟัง อาจเป็นประโยคที่เพิ่มแรงบันดาลใจหรือ quote ที่น่าจดจำจากคนดัง / หนังสือ / ภาพยนตร์ ที่เกี่ยวของกับการพูดของเราก็ได้ เหมือนกับว่าเรากำลังปิดจบหนังเรื่องนึงด้วยประโยคทิ้งทวนชวนให้ผู้ฟังได้คิดตามกันต่อ และอย่าลืม! ที่จะขอบคุณผู้ฟังทุกครั้ง เพื่อแสดงถึงความจริงใจและขอบคุณที่ทุกคนตั้งใจฟังจนจบ

│
#6 Be confident & Own the Stage!
ปิดท้ายด้วยทริคที่สำคัญที่สุดจากซิป นั่นก็คือ ‘Be confident & Own the Stage!’ เราอยากให้ทุกๆ คนมั่นใจในตัวเองเยอะๆ และเต็มที่ไปกับมัน ถ้าเราฝึกซ้อม รู้จักผู้ฟัง และเข้าใจหัวข้อในการพูดของเราเป็นอย่างดีก็ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย เพราะสิ่งที่เราตั้งใจและทุ่มเทลงไป สักวันหนึ่งมันจะตอบแทนเรากลับมาแน่นอน อย่าลืมว่า your work hard pays off ! ( ¨̮ )

หวังว่า 6 เทคนิคพูดให้น่าฟัง ที่เราแวะมาแชร์ให้วันนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนนะคะ ( ¨̮ )
แชร์ 7 วิธีรับมือภาวะหมดไฟ ฉบับฮีลใจ
ชวนเติมพลังให้ตัวเองกลับมามีไฟอีกครั้ง!
อ่านต่อที่นี่! https://www.zipeventapp.com/blog/2025/08/01/7-ways-to-recover-from-burn-out/

│
✦ 6 บริการด้านอีเว้นท์ครบวงจร ตอบโจทย์ผู้จัดงาน ✦
เราเข้าใจทุกเรื่องของ อีเว้นท์ ให้เราช่วยคุณ !

สนใจบริการด้านอีเว้นท์ครบวงจร ติดต่อเรา!
E-mail: sales@zipeventapp.com / Call: 020385150 / Inbox FB: Zipevent
Website: https://www.zipeventapp.com/home/organizer
Follow us for more interesting content!
ฝากถึงพี่น้อง แฟนๆ ที่เคารพรักทุกท่าน ฝากติดตามข่าวสารงานอีเว้นท์กับ Zipevent ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ตามนี้เลย จิ้มๆ
- Line: @Zipevent (อย่าลืมเติม @ ข้างหน้าด้วยนะคะ) หรือจิ้มไปที่ลิงก์นี้ได้เลย @Zipevent
- Website: www.zipeventapp.com
- Instagram: @Zipevent
- Facebook: @Zipevent
- Twitter: @Zipevent
- Tiktok: @Zipeventapp
- LINE TODAY: Zipevent
- YouTube: Zipevent
- Blockdit: @Zipevent