The Wayfarer in Motion

The Wayfarer in Motion
ถัง คอนเทมโพรารี อาร์ต ภูมิใจนำเสนอนิทรรศการกลุ่ม “The Wayfarer in Motion” โดยจะจัดขึ้น ณ ถัง คอนเทมโพรารี อาร์ตระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2025 ถึง 11 มกราคม 2026 โดยนิทรรศการครั้งนี้นำเสนอผลงานของศิลปิน 5 ท่าน ได้แก่ โพโคโน จ้าว หยู, กาเบรียล เชีย, ด้วยรัก ผดุงวิเชียร, วีรภัทร สิทธิพล และอภิสิทธิ์ ศิดสันเทียะ
ผู้คนในโลกปัจจุบันดำรงอยู่ท่ามกลางกระแสนิยม ทุนนิยม และโลกดิจิตัล ซึ่งทำให้หลักยึดเหนี่ยวที่คุ้นเคยต่างๆค่อย ๆ เลือนหาย สิ่งปลูกสร้างหรืออะไรเก่าๆที่เคยมั่นคงถูกประกอบสร้างขึ้นใหม่ ราวกับว่าโลกของเรานั้นกำลังอยู่กลางท่ามกลาง “การอพยพล่องหน” เหมือนแผ่นดินเบื้องล่างไม่ใช่สิ่งที่มั่นคงอีกต่อไป หากเป็นเพียงทรายดูดของกระแสความนิยม อัตลักษณ์ที่แตกสลาย และจุดสนใจอันฉาบฉวย เมื่อความหนักแน่นของการดำรงอยู่ค่อยๆจางหายไป สิ่งที่เข้ามาแทนคือ “ความรู้สึกถึงการมีอยู่” ซึ่งเป็นเหมือนสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งไร้เสียงระหว่างมนุษย์กับโลกแห่งความเป็นความจริง
นิทรรศการนี้เชิญชวนทุกท่านร่วมออกเดินทางสำรวจตัวตน ข้ามผ่านทั้งกาลเวลาและพื้นที่ โดยศิลปินทั้งห้าท่านใช้ “ภาพ” เป็นพาหนะของการอพยพทางจิตวิญญาณ พยายามค้นหารูปแบบการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งท่ามกลางภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจของ “ผู้เดินทางซึ่งไม่หยุดนิ่ง” ผู้เดินทางไม่มีจุดหมายตายตัว การเคลื่อนไหวหยู่ตลอดเวลาแต่ในขณะเดียวกันนั้นเองผู้เดินทางเหล่านี้อาจจะต้องเผชิญกับการต่อสู้กับความเปราะบางภายในจิตใจและการขัดเกลาความเป็นตัวตนที่แท้จริง นิทรรศการนี้ตั้งคำถามที่ว่า “เราจะอยู่ในในโลกนี้ได้อย่างไร?” มนุษย์นั้นจะค้นหาทิศทางและยืนหยัดการมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรท่ามกลางสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกที่ไม่สัมพันธ์กัน?
โพโคโน จ้าว หยู ใช้วิธี “บันทึกเชิงโบราณคดี” นำภาพสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมต่างๆและตัวอักษรมาวางขนานกันเกิดเป็นอัตลักษณ์ใหม่ใน “ช่องว่าง” และ “รอยต่อ” ที่มองไม่เห็น โพโคโน จ้าว หยู ศึกษาสัญลักษณ์ “เทพสุริยัน” ซึ่งสัญลักษณ์เทพสุริยันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ทางวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมทั้งโลกตะวันออกและตะวันตก การบูชาดวงอาทิตย์สะท้อนถึงความเชื่อของคนในสมัยก่อนในการออกเดินทางไกล: ณ ที่ที่พระอาทิตย์ขึ้น มนุษย์ออกสำรวจโลกและค้นหาแรงปรารถนาภายใน แต่ทว่าการค้นหาความหมายของการสำรวจโลกภายนอกค่อยๆเปลี่ยนจากค้นหาจากสิ่งภายนอกเป็นการค้นหาตัวตนข้างในจริงๆ แสดงให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วการเดินทางค้นหาสิ่งที่อยู่ภายนอกก็ได้กลับนำมาสู่การหวนคืนสู่ “ตัวตน” ภายในของมนุษย์
ผลงานของอภิสิทธิ์ ศิดสันเทียะ ตั้งคำถามต่อแนวคิดเรื่อง “ความสมบูรณ์” โดยที่ศิลปินได้สื่อผ่านถึงการยอมรับในความไม่สมบูรณ์และความไม่แน่นอนของการดำรงอยู่ ด้วยการท้าทายทฤษฎีสีและผสมผสานเทคนิคในการรวบรวม ลบเลือน และบิดเบือนภาพ ศิลปินเน้นใช้ความรู้สึก “ความรัก” เพื่อสื่อผ่านผลงาน รวมทั้ง เศษเสี้ยวของความทรงจำใต้สำนึกถูกนำกลับมาเชื่อมกับรูปทรงเรขาคณิตต่างๆ เศษส่วนเหล่านี้กลายเป็นเงาเร้นของอดีตที่ฟื้นคืนผ่านกฎเกณฑ์ทางสังคมและเวลา ล่องลอยอยู่ระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกเสมือนความเป็นจริง
ผลงานคอลเลคชั่น Still Kind ของ กาเบรียล เชีย พูดถึงการเลือก การตัดสินใจภายใต้เงื่อนไขแวดล้อมที่จำกัด ศิลปินเลือกที่จะสื่อถึงการตามหาของ “แสงภายใน” ตัวคนเรา เพราะแม้ในช่วงเวลาแห่งความหนักใจหรือความไม่มั่นใจ ศิลปินยอมรับถึงความเปราะบางและตั้งใจจะเปลี่ยนความรู้สึกเปราะบางและการต่อต้านภายในเหล่านี้ให้กลายเป็นแก่นของเสรีภาพและการเป็นตัวของตัวเอง
ผลงานของวีรภัทร สิทธิพล และ ด้วยรัก ผดุงวิเชียร ถ่ายทอดผ่านภูมิทัศน์ธรรมชาติที่อัดแน่นด้วยความสดใสและพลังแห่งชีวิต ผลงานของวีรภัทรพยายามนำพลังงานภายในจากธรรมชาติมาสื่อผ่านรูปมากกว่ารูปทรงภายนอกของสิ่งมีชีวิต ภาพป่าภูเขาในฝีแปรงเสมือนท่วงทำนองดนตรีกลายเป็นงานของวีรภัทรเป็นเหมือนงานดนตรีแห่งจิตรกรรม
ภูมิทัศน์ทะเลทรายอันฝันเฟื่องในงานของด้วยรักแสดงออกอุปมาทั้งโลกภายนอกและโลกภายใน เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายในผลงานเดินทางในเส้นทางที่ไม่อาจคาดเดาเพื่อค้นหาความหมายแห่งชีวิต บทกวีแห่งการเดินทางไร้จุดหมายนี้สะท้อนท่าทีแบบเร่ร่อนต่อผืนดินไม่ใช่เพื่อครอบครองแต่เพื่อแสวงหาทิศทางใหม่ ๆ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยและเพื่อประสบการณ์ “การอยู่ในโลก” ที่สามารถวาดและรังสรรค์ตัวตนขึ้นมาใหม่
จากสัญลักษณ์เทพสุริยันสู่เงาแห่งความทรงจำ จากผู้แสวงหาภายในสู่ภูมิทัศน์ที่แปรผัน ศิลปินทั้งห้ารื้อฟื้นความทรงจำตามรอยต่อระหว่างประวัติศาสตร์กับปัจจุบัน ประกอบสร้างเรื่องเล่าใหม่ที่ธรรมชาติและอารยธรรมมาบรรจบกัน