นิทรรศการที่มีลักษณะเฉพาะตัวสำหรับ Photo Bangkok 2018ในครั้งนี้ เซรินเดีย แกลเลอรี่ เสนอเรื่องราวภาพถ่ายที่น่าหลงใหลของ ยาโรสลาฟ พอนซาร์ (Jaroslav Poncar) และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกล้อง FT-2 ซึ่งเป็นกล้องที่ผลิตขึ้นในปี 1958 โดยชาวรัสเซียผู้คิดค้นการถ่ายภาพแบบมุมกว้างที่เป็นตามธรรมชาติแนวราบ (พาโนรามา) เป็นกล้องที่สามารถถ่ายภาพเหมือนมุมมองของตามนุษย์ได้มากที่สุดโดยที่ไม่ต้องตัดต่อ เป็นกล้องประหลาดที่ไม่มีช่องมองภาพ และเมื่อถ่ายเลนซ์จะหมุน 180 องศาผ่านแสงลงบนฟิล์ม ราวกับเป็นเครื่องสแกนเนอร์ จึงได้เรียกเทคนิคเลนซ์หมุนนี้ว่า slit-scan
ยาโรสลาฟใช้กล้อง FT-2 นี้ในการถ่ายภาพมา 40 ปี โดยใช้กับฟิลม์ 35-mm Kodak Ektachrome มาโดยตลอด จนกระทั่งถึงในปี 2016 เขาใช้มันถีงม้วนสุดท้ายท่ีเขาเก็บไว้ ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่แสดงถึงความรู้อย่างมีสุนทรีย์ ด้วยเรื่องราวของสถานที่ แสงและสีที่เฉพาะของฟิล์ม Ektachrome ยาโรสลาฟถ่ายภาพสถานที่หลากหลายทั้งใน ยุโรป และเอเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิเบตและนครวัด ผู้ชมจะประหลาดใจถึงคุณภาพและคำบรรยายของภาพที่เขาถ่ายด้วยกล้องของเขากับฟิล์ม 35-mm บางภาพถ่ายเป็นภาพขนาดยาวถึงสามเมตรและบางภาพเป็นแนวตั้ง เป็นสิ่งที่ผู้ชมต้องเห็นและยังเปิดมุมมองให้กับช่างภาพรุ่นใหม่อีกด้วย
ยาโรสลาฟ พอนซาร์ Jaroslav Poncar เกิดเมื่อปี 1945 ที่กรุงปราก เขาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองโคโลญจน์ตั้งแต่ปี 1973 ซึ่งที่เป็นที่เขาได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ the department of imaging sciences of Fachhochschule Köln (Cologne University of Applied Sciences) โครงการภาพถ่ายของเขาพาเขาไป แอฟริกา, คาบสมุทรอาระเบีย (เยเมน) และ เอชีย โดยเฉพาะเทือกเขาหิมาลัย, ทิเบต, อินเดีย, พม่า, กัมพูชา และ อัฟกานิสถาน ในปี 1976 เขาเดินทางไปซันสการ์ (ลาดักห์) นั่นเป็นครั้งแรกในการถ่ายภาพมุมกว้างที่ตะวันตกของหิมาลัยด้วยกล้อง FT-2 ตัวนี้ และตั้งแต่นั้นมาเขามีความชำนาญพิเศษเกี่ยวกับการถ่ายพาโนรามา
ในปี 1985 เป็นเขาเป็นชาวตะวันตกทิเบตคนแรกที่ข้ามฝั่งจากตะวันออกไปที่จุดสูงสุดของทางตะวันตก ถึงแม้ว่าการเดินทางถ่ายภาพของเขาเกือบ 40 ปี นั้น เขายังได้เป็นส่วนร่วมในโครงการบันทึกศิลปะเอเชีย ทั้งเทือกเขาหิมาลัยและทิเบต เขายังความชำนาญพิเศษด้านจิตรกรรมฝาพนังสมัยก่อนอีกด้วย (อัลชิ, ทาโบ, โถหลิง) ในปี 1993 เขาได้เริ่มทำงานในนครวัด (กัมพูชา) เขาถ่ายภาพภาพสลักนูนต่ำที่นครวัดอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ German Apsara Conservation Project (GACP) โครงการนี้ชาวเยอรมันได้ขอบริจาคจาก UNESCO เพื่อดำลงรักษานครวัดเอาไว้ จนถึงปี 2005 เขาได้เป็นผู้อำนวยการของโครงการ ร่วมกับนักเรียน โดยแสดงความสำคัญของการบันทึกข้อมลูอนุสาวรีย์โดยภาพถ่าย Poncar ได้ปลดเกษียณในเดือน กรกฎาคม ปี 2010 ช่วงเวลาหลังปลดเกษียณนั้นเขาได้เป็นคนอัฟกานิสถานอยู่1ปี ทำงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการบันทึกภาพถ่ายมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ GIZ-CIM (German International Cooperation)
ในปี 2013 เขาได้รับทุนสองเดือนจาก the German Academy Villa Massimo เพื่อถ่ายภาพโรมเป็นภาพมุมกว้างในเดือนตุลาคม ปี 2016 หลังจาก 40 ปี ที่กระตือรืนร้นถ่ายภาพด้วย FT-2 เขาได้เห็นฟิล์มม้วนสุดท้ายของ 35-mm Kodak Ektachrome ที่โรม ในเดือนตุลาคม ปี 2016 และในปี 2015 ถึง 2017 เขาได้เป็นส่วนร่วมโครงการ the School of Oriental and African Studies (Prof. Christian Luczanits) เพื่อบันทึกต้นฉบับและวัตถุที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาที่อยู่ในดินแดนมุสตางตอนบน (เนปาล)
ไทย
