เกษียร
นิทรรศการเดี่ยว โดย ไมเคิล เชาวนาศัย

เกษียณ
นิทรรศการนี้จัดแสดงผลงานอันเป็นข้อสรุปจากการเฝ้าสังเกตและศึกษา "สิ่งต่างๆ และเรื่องน่าสนใจอื่น ๆ" ตลอดระยะเวลา 10 ปี โดยศิลปิน ไมเคิล เชาวนาศัย ศิลปินได้กล่าวถึงกระบวนการสร้างสรรค์ของเขาว่า "ผมใช้เวลาในแต่ละวันมองดูสิ่งต่างๆ ตอบสนองต่อสิ่งเหล่านั้น และตั้งคำถามกับมัน ผมซึมซับข้อมูลที่หมุนวนรอบตัวผม ตอบสนองต่อมัน ย่อยมัน และปลดปล่อยมันออกมาในรูปแบบของงานศิลปะ"
ช่วงเวลา 10 ปีถือเป็นกรอบเวลาที่สมบูรณ์แบบในการสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงและทิศทางของสิ่งต่างๆ เพราะสิ่งต่างๆ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาที่เคลื่อนไปข้างหน้า และผลกระทบจากอดีตก็เริ่มปรากฏให้เห็น เมื่อบางสิ่งเติบโตขึ้นและบางสิ่งแก่ลง มันจึงเป็นความจริงอย่างยิ่งที่ว่า "เวลาสามารถนำพามาให้ และก็พรากไปได้เช่นกัน"
ศิลปินได้ให้ข้อคิดแก่ผู้ชมเมื่อมาชมผลงานของเขาว่า "มีบางสิ่งที่คุณควรจำไว้เมื่อคุณเผชิญหน้ากับผลงานของผม: ผมขอแนะนำให้คุณ 'มอง' งานที่อยู่ตรงหน้าคุณ อย่าแค่ 'เห็น' มัน จริงจังแต่ก็ไม่จริงจังจนเกินไป และมีอารมณ์ขัน" และเขาเชื่อว่า "เมื่อคุณพบความสมดุลระหว่างสามสิ่งนี้ เชื่อผมเถอะ ชีวิตของคุณโดยรวมจะง่ายขึ้นมากในการดำเนินไป"
เกี่ยวกับศิลปิน
ไมเคิล เชาวนาศัย
ไมเคิล เชาวนาศัย เกิดปี พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา
ปริญญาตรี จาก Boston Conservatory of Music, บอสตัน, รัฐแมสซาชูเซตส์
ปริญญาตรี จาก San Francisco Art Institute, ซานฟรานซิสโก, รัฐแคลิฟอร์เนีย
ปริญญาโท จาก The School of the Art Institute of Chicago, รัฐอิลลินอยส์
เกี่ยวกับภัณฑารักษ์
อมต โชติพันธุ์
อมต โชติพันธ์ุ สนใจด้านการเขียน และการภัณฑารักษ์เพื่อเชื่อมโยงกับวาทกรรมร่วมสมัยทั้งทางการเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ หลังจากสำเร็จการศึกษาด้านรัฐศาสตร์ในปี 2020 เขาได้เข้ามามีบทบาทใกล้ชิดกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยในฐานะหนึ่งในผู้ก่อตั้งเครือข่าย Common Sense Poetry Network ผลงานรวมบทกวีของเขาได้รับการตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ Awlbook ในปี 2022 ในปี 2024 เขาร่วมก่อตั้ง BRUT artspace ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมให้การทดลองเป็นแนวคิด และส่งเสริมให้แนวคิดทางปัญญาเป็นรูปธรรม เขาได้รับเลือกให้เป็นนักวิจารณ์ศิลปะรุ่นใหม่สำหรับโครงการ EYP#8 X Art Critics Project ของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และมีผลงานเขียนบทสัมภาษณ์และบทวิจารณ์ให้กับ GroundControl
ชมตะวัน เกลื่อนถนอม
ชมตะวัน เกลื่อนถนอม หรือ แพนด้า เป็นศิลปินที่ทำงานศิลปะเชิงแนวคิดและภัณฑารักษ์ศิลปะในกรุงเทพฯ ประเทศไทย เธอสร้างสรรค์ผลงานหลากหลายสื่อ ทั้งภาพถ่าย วิดีโออาร์ต และศิลปะจัดวาง ผลงานของชมตะวันได้รับอิทธิพลอย่างมากจากวรรณกรรม ปรัชญา และการเคลื่อนไหวทางสังคม ครอบคลุมประเด็นต่างๆ เช่น สตรีนิยม การสำรวจความเชื่อ การตรวจสอบตนเองทางสังคม การตีความศิลปะ และประวัติศาสตร์ศิลปะ
ด้วยความหลงใหลในศิลปะและวัฒนธรรม ชมตะวันได้ถ่ายทอดความกระตือรือร้นนี้ไปสู่การเป็นภัณฑารักษ์ศิลปะ ผลงานภัณฑารักษ์และความสนใจของเธออยู่ในสาขาศิลปะร่วมสมัย ภาพเคลื่อนไหว และภาพถ่าย ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับแนวคิดเชิงแนวคิดและประเด็นทางสังคม นิทรรศการที่เธอเป็นภัณฑารักษ์เมื่อเร็วๆ นี้ ได้แก่:Permission to Play Exhibition ที่ LOU HIEB SENG, Dark Matters ที่ TARS Unlimited (2024), SIMULACRA ที่ TARS Unlimited, WAJA ที่ TARS Unlimited, Stimulus ที่ BANZI Unlimited (2024), The Haze ที่ La Société Étrange (2025), Greenhouse in Snail Lagoon ที่ FAZAL Unlimited (2025), Time is the substance I am made of ที่ FAZAL Unlimited (2025), Passing Boats ที่ FAZAL Unlimited (2025)
กูกสิณา ไอยชา กูบาฮา
กูกสิณา ไอยชา กูบาฮา เป็นนักแปล นักเขียน และภัณฑารักษ์ ปัจจุบันกำลังขบคิด และเขียนเรื่องราวประวัติศาสตร์หญิงรักหญิงในปาตานี หอจดหมายเหตุ และการสร้างหอจดหมายเหตุที่หลุดพ้นจากกรอบอาณานิคม ที่มหาวิทยาลัยฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
นฤเบศร จักษุสุวรรณ
นฤเบศร จักษุสุวรรณ ศิลปินจากกรุงเทพฯ จบการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาศิลปะการแสดง ทำงานเป็นผู้ดูแลแกลลอรี และนักแสดงอิสระภาพยนตร์ และละครเวที นฤเบศเป็นที่รู้จักจากผลงานศิลปะการแสดงแบบให้ผู้ชมมีส่วนร่วม สำรวจประเด็นเกี่ยวกับความท้าทายส่วนบุคคล มาตรฐานของสังคม ความเชื่อมโยงทางอารมณ์ จากการมีส่วนร่วมใน Bangkok Theatre Festival ร่วม 2 ปี ได้ทำให้ชื่อนฤเบศรเป็นที่รู้จักและได้รับการสนับสนุนในผลงานสร้างสรรค์ โดยมีผลงานล่าสุดเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับภาวะตาบอดสี ซึ่งเขาได้บอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัวและเชื้อเชิญให้ผู้ชมได้มองเห็นโลกด้วยสายตาเดียวกัน
ปรมา เหล่าปิยะสกุล
ปรมา เหล่าปิยะสกุล (2544, กรุงเทพ) มีความสนใจด้านการเขียนและงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับภาษาและการใช้ตัวอักษร ในฐานะเครื่องมือที่สามารถบ่งบอกบริบททางวัฒนธรรม นําไปสู่การตีความเนื้อหาและการรับรู้ที่แตกต่างกัน ปรมาจบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ภาควิชาทฤษฎีศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มีประสบการณ์ทํางานด้านการจัดการศิลปะ เขียนบทความ และทํางานศิลปะ ปัจจุบันปรมาทํางานเป็นผู้จัดการแกลลอรีที่ บางกอก คุนส์ฮาเลอ
ทศเทพ ทะทา
จบการศึกษาจากวิทยาลัยเพาะช่าง สาขาศิลปะการถ่ายภาพในปี 2016 โดยมีความสนใจในกระบวนการถ่ายภาพ และอัดภาพด้วยฟิล์ม ในปี 2018 ได้รับเลือกให้ไปแสดงผลงานในโครงการ Unknown Asia Art Exchange ณ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และเคยเป็นผู้ช่วยที่ Red Light Lab ซึ่งเป็นสตูดิโอที่ทำงานเกี่ยวกับฟิล์มกระจก ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่ง Head of Operations ที่ HOP Hub of Photography และเป็นผู้จัดการคัดเลือกหนังสือภาพทั้งหมดใน HOP CLUB Photobook Library
เกี่ยวกับ HOP Hub of Photography
ก่อตั้งในปี 2565 HOP Hub of Photography คือศูนย์กลางภาพถ่ายร่วมสมัยของไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “Connecting Our Community to Focus”
HOP ประกอบด้วย
- HOP Photo Gallery – พื้นที่จัดแสดงงานหมุนเวียนจากช่างภาพไทยและนานาชาติ เน้นบทสนทนาเชิงสร้างสรรค์ผ่านนิทรรศการ เสวนา และเวิร์กช็อประยะสั้น เพื่อยกระดับศักยภาพช่างภาพและขยายเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ HOP มุ่ง “เสริมสร้างภูมิทัศน์ศิลปะภาพถ่ายไทยให้เติบโตไปพร้อมวงการศิลปะโลก” และยังคงเดินหน้าสนับสนุนศิลปินทุกเจเนอเรชันผ่านนิทรรศการใหม่ ๆ ตลอดปี.
- HOP CLUB – ห้องสมุดโฟโต้บุ๊กสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในไทย (กว่า 300 เล่ม) พร้อม co-creative working space และ โครงการเสริมทักษะและขับเคลื่อนวงการภาพถ่ายไทย อาทิเช่น SHOWCASE by HOP CLUB: โปรแกรมเปิดพื้นที่ให้ศิลปินและช่างภาพจัดวางผลงานใน HOP Club นาน 1–4 สัปดาห์ ด้วยบทบาทการเป็นเวทีจัดแสดง พื้นที่เรียนรู้ และเครือข่ายสากล โดย HOP สนับสนุนประชาสัมพันธ์และให้คำปรึกษาเรื่องการจัดแสดงโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
รวมไปถึง Workshops by HOP : ที่มุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานและขยายองค์ความรู้ในวงการถ่ายภาพไทย ผ่านการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ด้านทักษะ (Skill Development), ด้านการเรียนรู้ (Education), ด้านประสบการณ์ (Experience) รวมไปถึง ด้านงานอดิเรกที่สร้างสรรค์ (Hobby) โดยผสานความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ องค์กร และสถาบันต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้พัฒนาทักษะ สร้างเครือข่าย และเติบโตไปพร้อม ๆ กับวงการถ่ายภาพในระดับสากล