Trending Now

“เป็นเส้นสีขาวจางๆ ไม่รู้ว่าจำเป็นแค่ไหนกับท้องฟ้า แต่ขออยู่ด้วยสักพัก เดี๋ยวจะหายไปแล้ว”

      หนึ่งในรูปภาพและแคปชั่นที่เราชอบมากที่สุดในบรรดาเกือบ 400 กว่าภาพ ที่คุณ ‘ตูน’ หรือ ณัฐธีร์ อัครพลธนรักษ์ เจ้าของ เพจบ้านข้างๆ และ Instagram t_047 ได้บันทึกลงใน Instagram อาจเป็นเพราะความรู้สึกของเรา ดันไปตรงกับความรู้สึกในตอนนั้นของคุณตูนก็เป็นได้

Instagram : t_047

      ภาพทุกภาพใน Instagram ที่ถูกถ่ายบันทึก และความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางแคปชั่นนั้น เปรียบเหมือนกับไดอารี่เล่มนึงที่อยากเล่าเรื่องราว และส่งต่อความคิด ความรู้สึก เพื่อบันทึกเอาไว้เป็นความทรงจำเผื่อว่าสักวันตัวเราจะได้ย้อนกลับมาดู แล้วรู้ว่าเราเติบโตได้มากขึ้นแค่ไหน

“มันเป็นเรื่องของการระบายความรู้สึก ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีคนที่รู้สึกเหมือนกัน และพื้นที่ตรงนี้ มันเป็นพื้นที่ที่รวมกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่มีความรู้สึกเหมือนกันแล้วก็มาแลกเปลี่ยนอะไรซึ่งกันและกัน”

      ประโยคนี้เป็นอีกหนึ่งประโยคที่เราชอบในตอนที่สัมภาษณ์คุณตูน มันจริงนะที่คุณตูนบอกว่ามันเป็นเรื่องของความรู้สึก และแน่นอนที่สุดคือต้องมีคนจำนวนหนึ่งที่รู้สึกคล้ายกัน เราว่าคุณตูนเหมือนเป็นตัวแทนของความรู้สึกนั้นๆ ที่ส่งสารผ่านการถ่ายรูปท้องฟ้า เพื่อแทนความคิดของตัวเอง และคนอื่นอีกหลายๆ คน ที่คิดและรู้สึกเหมือนกันในช่วงเวลานั้นมาแลกเปลี่ยนอะไรๆ ด้วยกัน

ตอนนี้ทำอะไรอยู่

      จริงๆ คือทำงานอยู่ เราเพิ่งเรียนจบ กำลังจะจัดนิทรรศการ Exhibition ของบ้านข้างๆ แล้วก็ทำเพลง ทำเพจ

เริ่มต้นถ่ายบ้านข้างๆ ได้ยังไง

      เริ่มจากตอนช่วง ม.5 เทอมสอง เป็นช่วงก่อนที่ฮิปสเตอร์จะบูม คนเค้าจะชอบถ่ายพวกตึก ต้นไม้ ท้องฟ้า แล้วเรารู้สึกว่าพอเห็นคนที่เค้าทำแล้วมันเท่ห์ดี ก็เลยอยากเท่ห์บ้าง เลยลองหาอะไรแบบรอบๆ ตัวลองถ่ายดู พอเปิดหน้าต่างไปก็เห็นบ้านหลังนี้มันตั้งอยู่เป็นเซ็นเตอร์ของภาพ สีบ้านมันตัดกับสีของท้องฟ้า เลยคิดว่ามันสวยดีเลยเริ่มถ่ายลง Instagram ของตัวเองก่อน พอลงไปรูปที่ 1 ก็เริ่มมีรูปที่ 2-3 ตามมาแล้วทำไปเรื่อยๆ จนเพื่อนว่าแบบ อะไรของมึงเนี่ย ถ่ายอะไร (หัวเราะ) ก็เลยมาเปิดเป็น Instagram แยกเก็บไว้ดูคนเดียว แบบเก็บเอาไว้ระบายความรู้สึกของตัวเอง

แล้วทำไมถึงใช้ชื่อว่า t_047

      มันมาจากชื่อหนังของพี่คงเดช ชื่อเรื่องว่าแต่เพียงผู้เดียว ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า p-047 ในหนังมันพูดถึงการบันทึกความทรงจำ การมีตัวตน เราชอบหนังเรื่องนี้ ก็เลยเอามาตั้งเป็นชื่อโดยเปลี่ยนจาก p-047 เป็น t_047 โดย t ก็มาจากชื่อเรา

Interview Toon Sky of lifeInterview Toon Sky of life

คิดว่าท้องฟ้าตอนไหนสวยที่สุด

      มันสวยต่างกันนะ คนละแบบเลย ตอนกลางวันก็สวยแบบสว่าง มันดูคลีนไปหมด ตอนเย็นก็จะมีลูกเล่นของมันในแต่ละวันที่จะแตกต่างกันไป ทั้งเมฆบ้าง แสงบ้าง ส่วนกลางคืนก็สวยต่างกัน จะสวยแบบเหงาๆ มันดีคนละแบบ

ถ้าให้เลือกท้องฟ้าในช่วงเวลานึง

      เราชอบตอนเย็นมาก เพราะว่ามันเหมือนกับว่าทั้งวันเราใช้ความคิดมาเยอะในการทำงาน แล้วเราเปรียบท้องฟ้าตอนเย็นเป็นเหมือนของขวัญ แบบของขวัญจากท้องฟ้า จึงทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่เราแม่งเหนื่อยมาทั้งวันอ่ะ

ถ่ายภาพท้องฟ้ามาแล้วประมาณ 5 ปี แล้วการถ่ายภาพท้องฟ้าให้อะไรกับเราบ้าง

      ตอนแรกเราต้องการที่จะให้มันเป็นแค่พื้นที่ที่เราใช้ระบายความรู้สึกของตัวเราแค่คนเดียว โดยที่เราไม่ได้คิดว่ามันจะกลายเป็นงานศิลปะเลย แต่พอวันนึงมีคนเริ่มเข้ามาติดตามมากขึ้น เริ่มมีฟีดแบคกลับมา สิ่งแรกที่เราได้ก็คือเพื่อน เพราะเรื่องของการระบายความรู้สึก มันแน่นอนว่ามันต้องมีคนที่รู้สึกเหมือนกัน และพื้นที่ตรงนี้มันเป็นพื้นที่ที่รวมกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่มีความรู้สึกเหมือนกันมาแลกเปลี่ยนอะไรซึ่งกันและกัน สิ่งหลักๆ ที่ได้ก็คือหนึ่ง เพื่อน สองก็คือได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ทุกรูปมันจะมีแคปชั่นหมดเลย พอเราได้ย้อนกลับไปดูรูปที่เราถ่ายมาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว เหมือนมันทำหน้าที่เป็นไดอารี่ ให้เรารู้ว่าเมื่อก่อนเราเป็นยังไงนะ ช่วงนั้นเรากำลังวุ่นอยู่กับอะไร ในหัวของเราตอนนั้นกำลังติดอยู่กับเรื่องไหน พอกลับมาดูรูปปัจจุบันมันจึงทำให้เรารู้ว่า เราตอนนี้กับเราตอนนั้นมันโตขึ้นขนาดไหน

Interview Toon Sky of life

แล้วคิดว่าจะถ่ายไปถึงเมื่อไหร่

      คำถามนี้เราตอบไม่ได้เลย…ไม่รู้ว่าอีกสามวันแล้วตื่นมาแล้วจะรู้สึกอะไร เราอาจจะรู้สึกว่าเราจะเบื่อมั้ย ยังไม่รู้เลย เพราะว่าตอนนี้มันไม่ได้ถ่ายด้วยความรู้สึกที่ว่ามันเป็นหน้าที่ หรือว่าเป็นสิ่งที่เราต้องทำ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราอยากจะแสดงความรู้สึก หรืออยากระบายอะไรบางอย่างออกมามากกว่า 

      เราไม่ได้บอกว่าเราถ่ายทุกวันนะ นานๆ เราถึงจะกลับไปถ่าย จะถ่ายก็ต่อเมื่อเรารู้สึกว่าเรามีข้อความบางอย่างที่เราอยากจะเล่าให้ฟัง หรือเราอยากจะบอกกับใคร เราว่ามันดีกว่าการที่เราตั้ง Status ใน Facebook ซะอีก เพราะพอเราตั้งมันก็จะหายไป กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่พอข้อความมันไปอยู่กับรูป แมสเสจนั้นมันเป็นการเน้นอยู่กับเรา เราจึงรู้สึกว่ามันมีคุณค่ามากกว่า

Interview Toon Sky of life

สรุปแล้วบ้านข้างๆ หลังนั้นรู้ยังว่าโดนแอบถ่าย

      จะพูดว่ายังไม่รู้ก็ไม่ชัวร์ เหมือนเค้าอาจจะรู้แล้ว แต่เค้าไม่รู้ว่าเราเป็นใคร หรือเค้าอาจจะไม่เคยเห็นบ้านของตัวเองในมุมนั้นมั้ง และถ้าเค้ารู้เค้าจะแจ้งตำรวจจับเราหรือเปล่า เราก็ยังไม่รู้เหมือนกัน

ถ้าสมมุติว่าย้ายบ้านล่ะ

      จริงๆ เราไม่ได้อยู่บ้านหลังนั้นทุกวัน ปกติเราจะอยู่คอนโดฯ เพราะว่าเราชอบอยู่คนเดียว ถ้าถามเรา เราคิดว่าบ้านหลังนั้นมันคงไม่ย้าย หรือไม่ทุบนะ

Interview Toon Sky of life

นอกจากบ้านข้างๆ แล้ว รู้มาว่ามีแมวข้างๆ ด้วย พูดถึงแมวหน่อย

      (หัวเราะ) แมวกินเยอะมาก ชื่อ Matty มาจากชื่อนักร้องนำ 1975 เป็นพันธุ์สก็อตติชโฟลด์ที่ตัวใหญ่มากกก พ่อแม่มันเป็นพันธุ์ (โครต) แมว เป็นแมวข้างๆ ของบ้านข้างๆ ที่ไม่ได้มีคอนเซ็ปต์อะไร เป็นแค่ไอจีแมวธรรมดา แต่แค่อยากให้มันลิ้งก์กับบ้านข้างๆ เฉยๆ

Instagram : mt_047

มีบ้านข้างๆ แล้ว ผลงานอื่นมีมั้ยช่วยอัพเดตหน่อย

      จริงๆ ชีวิตเราทำจับฉ่ายมาก นอกจากชีวิตที่ทำเพจกับ Instagram แล้ว เราก็ทำเพลงด้วย เพลงก็คือทำภายใต้ชื่อ t_047 นี่แหละ คือแค่บางเรื่องเรารู้สึกว่ามันไม่สามารถเล่าเรื่องผ่านแค่ภาพได้ เราเลยรู้สึกว่าถ้ามันไปอยู่ใน channel แบบเพลงหรือดนตรี มันจะทำให้เห็น mood เห็นเรื่องราว ซึ่งมันคงเข้าถึงคนได้มากขึ้น เป็น part นึงของดนตรี 

      แล้วก็มีอีกวงใช้ชื่อว่า เยิ้ม (YERM) หาฟังได้ใน Facebook และ YouTube เยิ้มก็เป็นสิ่งที่ต้องมีในชีวิต เพราะมันจะตรงข้ามกับบ้านข้างๆ มาก บ้านข้างๆ มันเป็นสิ่งที่เราเข้าไปเพื่อหาด้านสว่างของชีวิต ทุกอย่างมันจะเบาๆ สดใส ส่วนเยิ้มมันจะเป็นเรื่องของการถ่ายทอดความรู้สึกอะไรบางอย่างที่พูดไม่ได้ในบ้างข้างๆ ชีวิตเราเหมือนมีสองอย่างนี้ไว้เพื่อความสมดุล ยังไงก็ฝากติดตามด้วยครับ

Interview Toon Sky of life

สุดท้ายแล้วช่วยสปอยล์นิทรรศการให้ฟังหน่อย

      นิทรรศการจริงๆ เราอยากให้คนเข้าไปสัมผัสความรู้สึกของเราที่ทำ Instagram แล้วก็ทำ เพจบ้านข้างๆ มา มันเป็นช่วงที่เราแบบได้หยุดคิดกับตัวเองเวลาที่เราถ่ายรูปท้องฟ้า เราก็ไม่อยากจะบอกว่า เมื่อคุณเข้ามาแล้วคุณจะได้แบบนี้หรือว่าคุณจะได้อย่างนั้นนะ แต่เราอยากให้คุณลองเข้ามาดูเอง ไม่ว่าเค้าจะได้อะไรกลับไป ได้แง่คิด ได้มุมมอง หรือว่ามองเป็นแค่งานศิลปะชิ้นนึงก็โอเคแล้ว 

      แต่ถ้าให้สปอยล์ก็คือมันจะมีการจัดวางบางอย่าง รูป 300-400 รูปมันไม่สามารถเอามาอยู่ใน Exhibition เดียวได้ มันต้องมีการเลือก มีการจัดวาง เราใช้การเล่าเรื่องที่มันจะเล่าชีวิตของเราตลอด 5 ปีที่ผ่านมาใน Exhibition นี้ อยากให้ลองมาดูว่า เราเจออะไรบ้าง เราเห็นอะไร แล้วเราคิดอะไรได้จากชีวิตที่ผ่านมา

Interview Toon Sky of life

ภาพ : Dararat Ruengsri

นิทรรศการ Sky of Life by บ้านข้างๆ’ นิทรรศการที่เล่าทุกเรื่อง ทุกความรู้สึกนึกคิดผ่านรูปท้องฟ้า เปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. – 11 ก.ค. เวลา 12.00 – 20.00 น. ที่ 10ml. cafe gallery

ขอบคุณสถานที่สวยๆ จาก Porcupine Cafe มากๆ ค่ะ

ค้นหางานอีเว้นท์อื่นๆ เพิ่มเติม : www.zipeventapp.com

Comments

comments

Author

Nothing really goes away